อวัยวะอื่นถอยไป เมื่อหัวนมก็สามารถใช้งาน Touch ID Sensor บน iPhone 5s ได้!

 

                           

ในเมื่อนิ้วหัวแม่เท้าเอย อุ้งตีนแมวเอย ก็สามารถนำใช้กับ Touch ID Sensor ได้ ทีนี้ก็มีชาวญี่ปุ่นหัวใสหาอวัยวะอื่นมาทดลองและพบว่าได้ผลดี โดยอวัยวะที่ว่านั่นคือหัวนมครับ!(ดูคลิปท้ายข่าวให้ไวเลยครับ)เว็บไซต์ rocketnews24.com ได้โชว์คลิปชาวญี่ปุ่นพยายามใช้หัวนมในการปลดล็อกเครื่อง iPhone 5s ซึ่งพบว่าแม้จะค่อนข้างทุลักทุเล แต่ก็สามารถใช้ปลดล็อกเครื่องได้เหมือนกันนอกจากนี้ในคลิปได้ทดลองให้คนอื่น (ที่ไม่ใช่เจ้าของเครื่อง) นำเครื่องไปทดสอบปลดล็อกด้วย แต่ไม่สามารถปลดล็อกได้ นั่นก็แสดงว่าหัวนมคนเราก็มีเอกลักษณ์มากพอที่จะให้ Touch ID Sensor มันจดจำและแยกแยะได้

ก็เอาเป็นว่า เอาไว้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใช้นิ้วมือปลดล็อกเพราะกลัวมันเกร่อก็ได้นะครับ

ที่มา: Blognone Kotaku

Touch ID Sensor ของ iPhone 5s ถูกแฮกได้แล้วโดยใช้ลายนิ้วมือเทียม

 

                           

หลังจากมีข่าวกลุ่มแฮกเกอร์ร่วมทุนกัน ให้รางวัลผู้แฮก Touch ID Sensor ได้เป็นคนแรกเพียง 4 วัน Chaos Computer Club ก็ออกมาอ้างว่าทีมงานสามารถผ่านระบบ Touch ID Sensor ของ iPhone 5s ด้วยลายนิ้วมือเทียมที่ได้มาจากภาพถ่ายบนผิวแก้ว แถมยังบอกวิธีการทำเจ้าลายนิ้วมือเทียมไว้เป็นขั้นเป็นตอน พร้อมกับสรุปว่าไม่ควรใช้ลายนิ้วมือซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เป็นรหัส รักษาความปลอดภัย

ส่วนเว็บไซต์ที่ประกาศให้รางวัลไว้ตั้งแต่แรก ตอนนี้ขึ้นข้อความว่า Chaos Computer Club น่าจะประสบความสำเร็จในการแฮกครั้งนี้แล้ว และกำลังรอวิดีโอสาธิตการเก็บลายนิ้วมือมาใช้ปลดล็อค iPhone 5s ให้เห็นกันชัดๆ ก่อนรับรางวัลเป็นเงินกว่า 16,300 ดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้ง iPhone 5c หนึ่งเครื่องและวิสกี้อีกหนึ่งขวด

อย่างที่รู้กันว่าลายนิ้วมือคนจะเหมือนเดิมตลอดชีวิต เก็บลายนิ้วมือแฟนให้พร้อมตั้งแต่ตอนนี้ แล้วมาลุ้นกันว่าเธอจะใช้นิ้วมือในการปลดล็อค

ที่มา: Blognone Chaos Computer Club, istouchidhackedyet.com

สถิติใหม่! แอปเปิลขาย iPhone 5s/5c ได้ 9 ล้านเครื่องใน 3 วัน, iOS 7 อัพเดตแล้ว 200 ล้านเครื่อง

 

                           

สถิติใหม่! แอปเปิลขาย iPhone 5s/5c ได้ 9 ล้านเครื่อง

   ใน 3 วัน, iOS 7 อัพเดตแล้ว 200 ล้านเครื่อง

แอปเปิลประกาศว่า หลังจากเปิดขาย iPhone 5s และ iPhone 5c ในวันศุกร์ที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา เพียงแค่ 3 วันแรก ก็สามารถขาย iPhone ทั้งสองรุ่นได้แล้วกว่า 9 ล้านเครื่อง ถือเป็นสถิติใหม่ของแอปเปิลตั้งแต่เปิดตัว iPhone รุ่นแรกเลยทีเดียว ส่วนอุปกรณ์ iOS ที่อัพเดตเป็น iOS 7 แล้วมีจำนวนกว่า 200 ล้านเครื่อง

ความต้องการซื้อ iPhone นั้นสูงมากจนน่าตกใจ มากกว่าของล็อตแรกที่แอปเปิลผลิตเตรียมไว้รอขายเสียอีก ผู้ที่สั่งซื้อทางออนไลน์ สินค้าน่าจะส่งได้ในสัปดาห์หน้า

Tim Cook ซีอีโอแอปเปิลได้ออกมาขอบคุณทุกคนที่ยังคงอดทนรอ และจะตั้งใจจะผลิต iPhone ให้เพียงพอแก่ทุก ๆ คน

สถิติการวางขาย iPhone ที่น่าสนใจมีดังนี้

• iPhone รุ่นแรก ขายได้ 1 ล้านเครื่องใน 74 วัน – Apple Press
• iPhone 3G ขายได้ 1 ล้านเครื่องใน 3 วัน – Apple Press
• iPhone 3GS ขายได้เกิน 1 ล้านเครื่องใน 3 วัน – Apple Press
• iPhone 4 ขายได้ 1.7 ล้านเครื่องใน 3 วัน – Apple Press
• iPhone 4s ขายได้ 4 ล้านเครื่องใน 3 วัน – Blognone
• iPhone 5 ขายได้ 5 ล้านเครื่องใน 3 วัน – Blognone
• iPhone 5s/5c ขายได้ 9 ล้านเครื่องใน 3 วัน

อยากรู้จังว่าตัวเลขนี้จะน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้หรือไม่

ที่มา -Blognone  Apple Press

อัพเดต: iPhone 5s ขายได้มากกว่า iPhone 5c อยู่ 3.4 เท่า หากดูจากตาราง iPhone ที่เปิดใช้งานตามเครือข่าย หรือถ้าคิดเป็นจำนวนเครื่องโดยประมาณคือ iPhone 5s ประมาณ 6.95 ล้านเครื่อง และ iPhone 5c ประมาณ 2.05 ล้านเครื่อง – Business Insider

Posted in ข่าวสาร it, ข่าวสารเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์, ข่าวสารไอที, ข่าวเกี่ยวกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์, ข่าวเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
Tags: apple, iPhone 5C, iphone 5s

Oppo N1 หน้าจอ 5.9 กล้องหมุนได้ เป็นได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังในตัวเดียว เลนส์ 6 ชิ้น ครั้งแรกบน Android,

 

                           

Oppo N1 หน้าจอ 5.9 กล้องหมุนได้ เป็นได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังในตัวเดียว เลนส์ 6 ชิ้น ครั้งแรกบน Android

และแล้ว Oppo N1 ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ถือเป็น phablet ตัวท็อปสุดของค่าย Oppo ในตอนนี้ มีของใหม่หลายอย่าง เริ่มจากสเปกพื้นฐานก่อนนะครับ

• หน้าจอ 5.9″ IPS 1080p 377 ppi
• ซีพียู Snapdragon 600 ควอดคอร์ 1.7GHz, จีพียู Adreno 320
• แรม 2GB, ความจุ 16/32GB
• แบตเตอรี่ 3,610 mAh
• หนัก 213 กรัม, หนา 9 มิลลิเมตร
• รองรับ Wi-Fi 802.11ac, Wi-Fi Direct
• มีเฉพาะรุ่น 3G (850/900/2100) ยังไม่มีรุ่น LTE

จุดขายของ Oppo N1 คือ “กล้อง” ซึ่งมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจหลายอย่าง

• ส่วนของกล้องหมุนได้ 206 องศา แปะไว้ด้านบนของตัวเครื่อง เป็นได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังในตัวเดียว
• ชิ้นส่วนกล้องประกอบด้วยรายละเอียดจำนวนมาก ทดสอบความทนทานแล้วสามารถหมุนได้ถึง 1 แสนครั้ง ใช้กรอบเป็นอลูมิเนียมอัลลอยที่ต้องผลิตกันนานถึง 20 วันต่อชิ้น
• เทคโนโลยี Pure Image ใช้เลนส์ 6 ชิ้น (แบบของ Lumia 1020) ถือเป็น Android รุ่นแรกที่มี
• f/2.0 และจับมือกับบริษัทเลนส์ (ไม่ระบุชื่อ) ปรับปรุงการประมวลผลภาพในเรื่อง white balance, exposure, focus
• ถ่าย exposure ค้างได้นานสูงสุด 8 วินาที
• แฟลชคู่ ที่ยิงแสงได้สองแบบ โหมดกล้องหลังยิงแสงปกติ และโหมดกล้องหน้ายิงแสงกระจายที่ไม่แรงเท่า
• เข้าโหมดกล้องด้วยเวลาเพียง 0.6 วินาที โดยใช้วิธีหมุนกล้อง 120 องศา

O-Touch Panel

มันคือทัชแพดด้านหลังของตัวเครื่องขนาด 12 ตารางเซนติเมตร สั่งงานได้โดยไม่ต้องแตะจอ

O-Click Control

ควบคุมกล้องของ Oppo N1 จากระยะไกลโดยไม่ต้องแตะตัวเครื่อง (ระยะสูงสุด 50 เมตร) เป็นอุปกรณ์เสริมที่สั่งงานผ่าน Bluetooth LE และห้อยไว้กับพวงกุญแจได้

รอม

รอมมาตรฐานของ Oppo N1 จะใช้ Color Rom ของ Oppo เอง (Android 4.2) ส่วนคนที่อยากใช้ CyanogenMod มีทางเลือกสองทาง

• OPPO N1 CyanogenMod Edition มือถือรุ่นพิเศษที่ลง CM มาให้ตั้งแต่แรก
• หรือใช้ N1 รุ่นปกติ แล้วแฟลชลง CM ได้โดยตรงจาก stock recovery ได้เลย (ไม่ต้องลง recovery เอง)

Oppo N1 จะวางขายช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ ราคายังไม่ระบุครับ

ที่มา -Blognone  Oppo N1, Oppo Press

AIS เปิดตัวโปรโมชัน Freedom Unlimited ใช้อินเทอร์เน็ตได้ไม่จำกัด 384Kbps ในราคาเบาๆ

 

                           

และแล้ววันนี้ก็มาถึง เมื่อผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เบอร์หนึ่งของประเทศไทยอย่าง AIS เปิดตัวโปรโมชันใหม่ “Freedom Unlimited” ให้สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือได้ในราคาเบาๆโปรโมชัน Freedom Unlimited มาพร้อมกับอินเทอร์เน็ตไม่จำกัดที่ความเร็ว 384Kbps โทรฟรีในเครือข่ายเดียวกันตั้งแต่สี่ทุ่มถึงห้าโมงเย็น และใช้งาน AIS Wi-Fi ได้ไม่จำกัดในราคารวมกันแล้วที่ 384 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

สำหรับลูกค้าเติมเงินสามารถสมัครใช้บริการเดียวกันแต่เป็นรายสัปดาห์ในราคา 99 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ได้เช่นกันครับ

ที่มา – Blognone MXPhone

ข้อดี 7 ประการของการช้อปออนไลน์

 

                           

                 ข้อดี 7 ประการของการช้อปออนไลน์

’ช้อปปิ้งออนไลน์’ นั้นถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับหลายๆ คน และต่างก็ยังคิดว่า เป็นเรื่องน่ากลัวและไม่กล้าที่จะจ่ายเงินซื้อสินค้าที่ตัวเองยังไม่ได้เห็น แต่ในยุคที่สื่อออนไลน์ช่างรายล้อมไปรอบตัว บวกกับอินเตอร์เน็ตที่ใกล้มือของคุณมากขนาดนี้ แถมสภาวะอากาศและสภาพการจราจรที่ทำให้คุณต้องคิดแล้วคิดอีกก่อนจะออกไปนอกบ้านแต่ละครั้ง ก็น่าจะทำให้ออนไลน์ช้อปปิ้งเป็นหนึ่งทางเลือกที่ดีในการจับจ่ายของคุณก็ได้ ลองพิจารณาจากข้อดีตามนี้ดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่าช้อปปิ้งออนไลน์นั่นทั้งเริ่ดและทั้งง่ายกว่าที่คิดอย่างไรบ้าง

ลดเวลาเดินทาง
ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก รถจะติดแต่อย่างใด ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการช้อปปิ้งออนไลน์ได้ แค่เปิดเวป แล้วเลือกของตามชอบใจ อยากได้อะไรก็สั่งซื้อได้ทันที แม้จะเป็นแค่ช่วงพักเที่ยงระหว่างทำงานเราก็ยังช้อปลุคสวยโดนใจได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า
ไม่ต้องพกเงินสด
ช้อปได้ง่ายๆ ด้วยบัตรเครดิตหรือโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร แถมบัตรเครดิตยังมีการสะสมแต้มเพื่อแลกรับของรางวัลต่างๆ เรียกได้ว่าคุ้มค่าและประหยัดเวลาแบบสุดๆ
สินค้าอัพเดทอินเทรนด์ตลอดเวลา
แต่ละเวปจะมีการอัพเดทสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งมีโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย ทำให้เรามั่นใจได้ว่า แต่ละชิ้นที่เราเลือกช้อปนอกจากจะได้ราคาสุดพิเศษแล้วอย่างอินเทรนด์ไม่แพ้ใครๆ
มั่นใจด้วยรีวิว
ก่อนช้อปเราสามารถอ่านรีวิวแนะนำและคำติชมจากลูกค้าท่านอื่นๆ ที่เคยช้อปสินค้าจากเวปนี้ไปแล้ว ทำให้เรามั่นใจได้ว่า แม้จะไม่ได้สัมผัสสินค้าก่อนซื้อเหมือนหน้าร้าน แต่เราก็จะได้ของคุณภาพส่งถึงมืออย่างแน่นอน
ได้สินค้าราคาเหมาะสม
การช้อปปิ้งออนไลน์ทำให้เราสามารถเปรียบเทียบราคาสินค้าแบบต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเดินให้ปวดเมื่อยขา นอกจากนี้เวปแต่ละเวปยังแบ่งแยกหมวดหมู่สินค้าอย่างชัดเจนเพื่อให้เราเลือกดูง่าย และราคายังถูกกว่า  ช้อปแบบหน้าร้าน เพราะมีต้นทุนที่แตกต่างกันมาก ประโยชน์จึงตกอยู่ที่ผู้บริโภคที่จะได้สินค้าดีๆ ในราคาที่ถูกกว่า
ช้อปได้ 24 ชั่วโมง
จะก่อนนอน ตอนตื่นเช้า ระหว่างเดินทาง หรือแม้จะเป็นวันที่นอนป่วย เราก็ยังสามารถค้าหาสินค้าโดนใจได้ตลอด แตกต่างจากหน้าร้านที่มีเวลาปิดเปิดซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่มีเวลาจำกัดในการใช้ชีวิต
ช้อปได้ทั่วโลก
นอกจากเวปช้อปปิ้งออนไลน์ชื่อดังอย่าง www.zalora.co.th,  www.tarad.com , หรืออย่างwww.wearyouwant.com ที่มีสินค้าสุดเก๋ให้เลือกอย่างหลากหลาย ทำให้กลายเป็นหนึ่งในลิตส์สุดโปรดของเหล่านักช้อปทุกคนแล้ว เราก็สามารถช้อปออนไลน์ได้จากเวปไซต์ชื่อดังจากทั่วโลก เช่น www.net-a-porter.com  หรือwww.amazon.com ทำให้เราได้สินค้าอันหลายและยังเอ็กคลูซีฟกว่าอีกหลายๆ คน

เห็นหรือยังว่า การช้อปออนไลน์นั้น มีข้อดีและความสะดวกสบายรอคุณอยู่มากกว่าการต้องออกไปเดินให้เมื่อยขาหลายๆ ชั่วโมง แถมยังได้ของในราคาพิเศษ และในบางเวปนั้น ยังยินดีให้บริการรับเงินเมื่อของไปถึงมือคุณด้วยซ้ำ ดังนั้นเราจึงมั่นใจได้ว่า ปัญหาการโกงเงินหรือไม่ได้รับสินค้าตามจริงนั้น จะหมดไปอย่างแน่นอน เมื่อรู้แบบนี้แล้วอย่าลืมหยิบสมาร์ทโฟนคู่กายออกมาเลือกช้อปกระหน่ำบนเตียงนุ่มๆ ของคุณกันได้เลย

ที่มา Email ประชาสัมพันธ์ของ Zalora

BlackBerry ถูก Fairfax ควบกิจการ เป็นที่เรียบร้อย

 

                           

การดำเนินกิจการของ BlackBerry ในขณะนี้อยู่ในสภาวะขาดทุนอย่างหนักและต่อเนื่องทำให้บริษัทจำเป็นต้องหาทางออกที่ดีที่สุดเพื่อความอยู่รอดซึ่งรวมไปถึงการขายกิจการ และแล้ว Fairfax Financial ก็จัดการยื่นข้อเสนอมูลค่า 4,700 ล้านเหรียญสหรัฐ กว้านซื้อหุ้นจาก BlackBerry และเข้าควบกิจการอดีตยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรศัพท์มือถือเป็นที่เรียบร้อยการกว้านซื้อหุ้นคืนของ Fairfax Financial กลับมาทั้งหมดนี้ทำให้ BlackBerry จำเป็นต้องถอนตัวเองออกจาตลาดหุ้นและพ้นสภาพการเป็นบริษัท มหาชนกลับมาเป็นบริษัท จำกัด อีกครั้ง โดยซีอีโอของ Fairfax ให้ข้อมูลว่า BlackBerry จะหันไปดำเนินธุรกิจที่เน้นการตลาดกับกลุ่มองค์กรใหญ่ เพื่อพัฒนาระบบทางด้านความปลอดภัยตามที่ BlackBerry ถนัด ซึ่งผลที่เกิดขึ้นหลังจากการเข้าซื้อหุ้นคืนของ Fairfax Financial ทำให้หุ้นของ BlackBerry พุ่งขึ้นมา 1% แต่ก็ยังน้อยกว่าหุ้นที่ตกลงไปถึง 14% เมื่อเดือนที่ผ่านมา

สำหรับ Fairfax Financial ไม่ใช่บริษัททางด้านโทรคมนาคมหรือการสื่อสารแต่เป็นบริษัททางด้านการลงทุนที่มีทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่า $31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีซีอีโอที่ชื่อ Prem Watsa เป็นนักลงทุนสายวางแผนทฤษฏี ที่มักจะเข้าไปลงทุนในบริษัทที่ล้มเหลวหรือประสบปัญหาด้วยเหตุผลต่างๆ จนทำให้บริษัทนั้นกลับมาผงาดอีกครั้ง เดิมที Fairfax ก็มีการลงทุนร่วมกับ BlackBerry มาสักระยะแล้วโดยถือหุ้นอยู่ราว 10%

 

                           

                                   Surface 2 มาแล้ว บาง เบา แรงกว่าเดิม

 หลังเปิดขาย Surface ตัวแรกในประเทศไทยไปได้ไม่กี่เดือน ล่าสุดไมโครซอฟท์ประกาศเปิดตัว Surface Pro 2 และ Surface 2 อย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย พร้อมคุณสมบัติที่แรงขึ้น บาง และเบาลงกว่าเดิมแท็บเล็ตจากไมโครซอฟท์ในรุ่นที่ 2 นี้เป็นเจเนอเรชั่นใหม่ของ Surface RT ที่เปลี่ยนชื่อมาเป็น Surface 2มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อยได้แก่ ตัวเครื่องมีความบาง 8.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 680 กรัม ความละเอียดของจอแสดงผลอยู่ที่ 1,920 x 1,080 พิกเซล ใช้ซีพียูแรงขึ้นอย่าง Nvidia Tegra 4 ARM โพรเซสเซอร์ ความเร็ว 1.7GHz แรม 2GB กล้องหน้า 3.5 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่อยู่ได้นานขึ้นกว่า 10 ชั่วโมง มี USB 3.0

นอกจากนี้ Surface 2 ยังมาพร้อมกับฝาหลังสีใหม่อย่าง "สีเงิน" ขาตั้งสามารถปรับระดับได้ที่ 24 และ 40 องศา ใช้ Windows RT 8.1มี Office 2013 RT กับ Outlook RT เพิ่มเข้าให้ฟรีๆ และมี Best of Skype สำหรับโทรเข้าโทรศัพท์บ้านไปยัง 60 ประเทศ และ Skype WiFi ฟรี รวมถึงผู้ซื้อจะได้พื้นที่เก็บข้อมูลใน SkyDrive ไปอีก 200GB ฟรีๆ

ฝั่ง Surface Pro 2 ยังคงตัวเครื่องในขนาดเท่าเดิม แต่สเปคภายในหันมาใช้ซีพียู Intel Haswell Core i5 เพิ่มความเร็วขณะใช้งานขึ้น 20% และช่วยการให้งานใช้งานด้านกราฟฟิกดีขึ้น 50% แบตเตอรี่อยู่ได้นานขึ้น ความจุ 64 GB กับ 128GB มาพร้อมกับแรม 4GB ส่วนรุ่น 256GB และ 512GB มากับแรม 8GB และใช้ Windows 8.1

ส่วนอุปกรณ์เสริมสำหรับ Surface 2 กับ Surface Pro 2 ได้แก่

- Touch Cover 2 ที่บางและเบากว่าเดิม มีแบ็คไลท์ในตัว

- Type Cover 2 มีแบ็คไลท์ในตัวเช่นเดียวกับ Touch Cover 2 บางและเบาขึ้นเช่นกัน มี 4 สีให้เลือก

- Power Cover ภายในมีแบตเตอรี่ในตัว สามารถเป็นแบตเตอรี่เสริมให้ Surface 2 และ Surface Pro 2 ได้

- Surface Docking Station สำหรับวาง Surface Pro และ Surface Pro 2 เพิ่มพอร์ต USB 2.0 สามพอร์ต, USB 3.0 หนึ่งพอร์ต, พอร์ต Mini DisplayPort, Ethernet, Audio In/Out

- Wireless Adapter สำหรับเชื่อมต่อเข้ากับคีย์บอร์ดเพื่อใช้งานแบบไร้สาย

- Car Charger with USB ที่ชาร์จส่วนตัวสำหรับใช้งานในรถยนต์

- Arc Touch Mouse Surface Edition เมาส์รุ่นพิเศษจากไมโครซอฟท์ เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 3.0

Surface 2 เริ่มต้นที่ 449 ดอลลาร์ หรือประมาณ 13,700 บาท ในรุ่น 32GB วางขายอย่างเป็นทางการวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ส่วน Surface Pro 2 ราคาเริ่มต้นที่ 899 ดอลลาร์ หรือประมาณ 27,000 บาท เริ่มวางขายวันที่ 22 ตุลาคมนี้เช่นกัน